หน้าเว็บ

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Review : Samsung Galaxy Note 4 ที่สุดของสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ ต่อยอดนวัตกรรมของปากกาที่ชื่อ S-Pen !!

Review : Samsung Galaxy Note 4 ที่สุดของสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่
ต่อยอดนวัตกรรมของปากกาที่ชื่อ S-Pen !!
สวัสดีเพื่อนๆ TechXcite ทุกท่านครับ กลับมาพบกับรีวิวสมาร์ทโฟนตัวใหม่ๆกันอีกเช่นเคย วันนี้เราอยู่กับสมาร์ทโฟนเรือธงตัวล่าสุดจาก Samsung อย่าง Samsung Galaxy Note 4 หลังจากที่ต้นเดือนที่แล้วเราได้ทำการพรีวิวข่าว Samsung Galaxy Note 4 กันไปแล้ว วันนี้ก็ถึงคราวของรีวิวฉบับเต็มกับบ้าง หลังจากที่ทางทีมงานได้ทดสอบใช้งานสัปดาห์กว่าๆ เรามาดูกันดีกว่าว่าหลังจากใช้งานจริงแล้วเจ้า Galaxy Note 4 นั้นจะน่าประทับใจสักแค่ไหน
ด้านดีไซน์ของ Galaxy Note 4
Galaxy Note 4 นั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.7 นิ้วเท่ากับ Galaxy Note 3 รุ่นเดิม แต่จะเพิ่มความละเอียดขึ้นเป็นระดับ Quad-HD หรือ 2K นั่นเอง (2560x1440 พิกเซล) ซึ่งแน่นอนสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของSamsung ก็ต้องใช้หน้าจอที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง Super-Amoled ด้วย โดยในเรื่องของการแสดงผลนั้นถือว่ายอดเยี่ยมจริงๆ ปกติหน้าจอ Super-Amoled ก็จะแสดงผลได้ดีเยี่ยมอยู่แล้ว แล้วบน Note 4 ยังมีความละเอียดระดับ 2K อีกยิ่งสวยบาดใจเข้าไปใหญ่เลย ><
ส่วนในเรื่องของวัสดุงานประกอบ อย่างที่ได้ทราบกันแล้วว่าเจ้า Galaxy Note 4 นั้นมีการอัพเกรดในเรื่องของวัสดุที่รอบนี้เปลี่ยนมาใช้เป็นกรอบโลหะแล้ว (รุ่นก่อนๆเป็นกรอบพลาสติกเคลือบและทำสีให้เหมือนโลหะเฉยๆ) และบริเวณกรอบด้านข้างจะแบ่งเป็นสีตามสีของเครื่อง อย่างเครื่องที่ได้มารีวิวนั้นเป็นสีขาว ตัวกรอบก็จะมีการเคลือบให้เป็นสีขาวเนียน และมีการตัดขอบ (Diamond cut) ตรงบริเวณมุมเพื่อเพิ่มความหรูหราขึ้นไปอีกด้วย แต่ก็ต้องแลกมากับการที่เป็นรอยขนแมวง่ายๆพอสมควรเลยล่ะครับ ><
ส่วนวัสดุของฝาหลังนั้นก็ยังคงเป็นพลาสติกทำลายคล้ายหนัง (Faux Leather) เช่นเดียวกับบน Galaxy Note 3แต่ในรอบนี้จะไม่มีทำรอบตะเข็บไว้รอบๆฝาหลังแล้ว ส่วนเรื่องการสัมผัสก็รู้สึกว่าเนียนขึ้นกว่ารุ่นก่อนอยู่นิดหน่อย

มาดูต่อกันที่รายละเอียดของตัวเครื่องกันต่อ ด้านหน้าจอนั้นบนรุ่นนี้จะเป็นกระจกแบบ 2.5D ที่ช่วยให้การสัมผัสบริเวณหน้าจอดูเนียนขึ้น มีส่วนว้าวและโค้งมีมิติมากขึ้นกว่าบน Galaxy Note 3 (บน Note 3 จะแบนราบไปเลย)
ด้านบนของหน้าจอเรียงจากซ้ายไปขวา จะมีไฟ LED สำหรับการแจ้งเตือน , ลำโพงสนทนา , เซ็นเซอร์วัดแสง วัดระยะ (Light Sensor , Proxymity Sensor) และกล้องหน้าความละเอียด 3.7 ล้านพิกเซลครับ
ส่วนด้านล่างของหน้าจอนั้นจะมีปุ่ม Recent Apps (แทนปุ่ม Menu บนรุ่นเดิมๆ) , ปุ่มโฮมที่มาพร้อม Fingerprint Scanner หรือตัวสแกนลายนิ้วมือนั่นเอง , ปุ่ม Back
ด้านปุ่มต่างๆก็วางไว้ตรงจุดเดิมกับรุ่นก่อนเป๊ะๆ อาทิ ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง จะอยู่ฝั่งซ้ายมือ , ปุ่ม Power อยู่ด้านขวาของตัวเครื่อง เป็นต้น โดยรูปแบบของปุ่มกดนั้นจะมีการเปลี่ยนให้เข้ากับรูปทรงของกรอบเครื่องได้เป็นอย่างดี 
ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องก็จะมีพอร์ท Micro-USB ที่รอบนี้ทาง Samsung เปลี่ยนกลับมาใช้เป็น USB 2.0 แล้วหลังจากที่บนรุ่นก่อน (Galaxy Note 3 และ Galaxy S5) นั้นใช้เป็น USB 3.0 และไมโครโฟน 2 ตัว
ส่วนด้านบนก็จะมีช่องหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม. , ไมโครโฟนอีกหนึ่งตัวที่เอาไว้ตัดเสียงรบกวน และพอร์ท Infared ที่สามารถใช้งานเป็นรีโมทได้
ด้านหลังอย่างที่บอกไปว่ายังคงใช้วัสดุแบบหนังเทียม (Faux Leather) อยู่ ส่วนการวางตำแหน่งนั้นก็เหมือนกับบนGalaxy S5 คือมีกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (ซึ่งตัวเลนส์กล้องจะนูนขึ้นมาจากระดับเครื่องนิดหน่อย) ถัดลงมาจะเป็นแฟลช LED และ Heart Rate Monitor หรือตัววัดอัตราการเต้นของหัวใจครับ
และบริเวณด้านล่างจะมีลำโพงหลักของตัวเครื่องเสียงที่ได้ก็ถือว่าดังใช้ได้ แต่แอบเสียดายที่ย้ายเอาลำโพงมาไว้ด้านหลัง (บน Note 3 อยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง) เพราะเวลาวางตัวเครื่องหงายเสียงที่ออกมาก็จะเบาสนิทเลย = ="
สำหรับฝาหลังของ Galaxy Note 4 นั้นก็แน่นอนว่ายังสามารถแกะออกมาได้ โดยภายในนั้นจะมีแบตเตอรี่ความจุ 3,220 mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนเองได้ และมีช่องใส่ Micro-SD การ์ด (เพิ่มความจุได้สูงสุด 128 GB) ส่วนถัดลงม่จะเป็นช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Micro-SIM
สเปคของ Galaxy Note 4
มาต่อกันที่เรื่องสเปคกันบ้าง เรียกได้ว่าสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note นั้นมักจะมีสเปคที่อยู่ดับต้นๆของตลาดเสมอ (อาทิ Galaxy Note 2 ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกๆเลยที่มาพร้อมแรม 2 GB หรือ Note 3 ก็เป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกๆเช่นกันที่มาพร้อมกับแรม 3 GB) ซึ่งแน่นอนว่า Galaxy Note 4 ก็เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับสเปคระดับต้นๆของตลาดโดยจะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Exynos 7 Octa หรือชื่อเดิมคือ Exynos 5433 ชิปเซ็ต Octa-core 64-Bit ประกอบด้วย Quad-core Cortex-A57 1.9 GHz + Quad-core Cortex-A53 1.3 GHz , ส่วนหน่วยประมวลผลกราฟิกใช้เป็น Mali-T760 GPU , แรมให้มาที่ 3 GB , หน่วยความจำภายใน 32 GB 
ส่วนในเรื่องการเชื่อมต่อชิปเซ็ต Exynos 7 Octa บน Galaxy Note 4 นั้นรองรับการใช้งาน 4G LTE (Cat.4) เรียบร้อยแล้วด้วย หรือ 3G ก็รองรับทุกคลื่นความถี่ , รองรับ NFC , Blutetooth 4.0 , USB OTG เรียกได้ว่าครบครันเต็มเหนี่ยวเลยจริงๆสำหรับเรื่องการเชื่อมต่อ
UI และฟีเจอร์การใช้งานบน Galaxy Note 4
Galaxy Note 4 มาพร้อมกับ Android 4.4.4 Kitkat เวอร์ชั่นล่าสุด ครอบด้วย Touchwiz UX เวอร์ชั่นล่าสุดเช่นกัน โดยหน้าตาของ UI จะมีความเนียนตา ไอคอนต่างๆก็มีความ Flat เหมือนบน Galaxy S5 แถมยังดูสะอาดมากขึ้นด้วย Widget แบบใหม่ที่จะมาในรูปแบบโปร่งใส ช่วยให้เห็นตัว Wallpaper มากขึ้น ดูไม่รกเหมือนรุ่นก่อนๆ 
นอกจากพวหน้า Widget และไอคอนจะมีการปรับให้ดูเรียบและใสขึ้น หน้า UI ภายในก็จะมีการปรับเปลี่ยนโทนสีให้มาเป็นสีขาวแทน (รุ่นก่อนๆเป็นสีดำ) ทำให้ยิ่งดูสะดวกขึ้นกว่าเดิมพอสมควร 
มีหน้าของ Briefing บริการจาก Flipboard อยู่หน้าซ้ายสุด (หน้า My Magazine เดิม)
รูปแบบบางอย่างมีการปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อย อาทิ หน้า Recent Apps ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นรูปแบบ Card (คล้ายๆกับบน Android 5.0 Lollipop) หรือหน้า Settings ที่มีการปรับรูปแบบโชว์ Quick Setting เด่นๆด้านบน
ส่วนความสามารถต่างๆนั้นก็จะคล้ายๆกับบน Galaxy S5 เรือธงรุ่นก่อน อาทิ Ultra Power Saving Mode หรือโหมดที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ด้วยการปรับโทนสีหน้าจอให้เป็นขาว-ดำ 
หรือฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือด้วยปุ่มโฮม โดยรอบนี้ดูเหมือนว่าทาง Samsung จะมีการปรับปุ่มในเรื่องของซอฟแวร์ให้ใช้งานตัวสแกนลายนิ้วมือให้ง่ายขึ้น ในรุ่นก่อนๆการใช้งาน Fingerprint Scan จะใช้การรูดนิ้วลงตรงๆลงมา แต่บน Note 4 มีการเพิ่มรูปแบบการรูดนิ้วโดยให้เราสามารถรูดนิ้วจากมุมข้างได้โดยการปาดเฉียงๆ ซึ่งเท่าที่ลองใช้งานจริงก็พบว่าสามารถใช้งานได้สะดวกกว่าแบบก่อนที่เราจะต้องใช้งาน 2 มือ (ใช้มือหนึ่งถือเครื่อง อีกมือใช้นิ้วรูดลง) พอสมควรเลยล่ะ
อีกส่วนที่จะติดมากับสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปๆของ Samsung หลังๆมานี่ก็คือ Heart Rate Monitor หรือที่วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ที่ให้เราสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ผ่านแอป S-Heatlh ทีนี้เวลาออกกำลังการก็จะมีประสิทธิภาพมาขึ้นแล้วนา
นอกจาก Heart Rate Monitor จะใช้งานวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้แล้ว ยังสามารถใช้วัด UV ได้ด้วยเช่นกัน โดยเข้าไปในแอป S-Heatlh จะมีฟังค์ชั่น UV Test อยู่น่ะ
ฟีเจอร์ใหม่ๆบน S-Pen
มาต่อกันที่ทีเด็ดจริงๆของ Galaxy Note 4 กันเลย แน่นอนว่าสมาร์ทโฟนสาย Galaxy Note นั้นจะมาพร้อมกับอุปกรณ์ติดตัวอย่าง S-Pen หรือปากกามหัศจรรย์นั่นเอง โดย S-Pen ของ Galaxy Note 4 ก็จะมีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์จากตัวก่อน (บน Note 3) เล็กน้อยคือมีการเพิ่มลายเส้นๆมาตรงด้ามจับทำให้ถนัดมือมากขึ้น และรองรับแรงกดที่มากกว่ารุ่นก่อน (Note 3) ถึง 2 เท่าด้วยกัน (Note 3 รองรับแรงกด 1024 ระดับ , Note 4 รองรับแรงกด 2048 ระดับ)
นอกจากเรื่องแรงกดก็ยังมีความสามารถที่เพิ่มเข้ามาอย่าง Smart Select ที่ให้เราสามารถเพิ่มข้อมูลหรือภาพหรือสิ่งที่สนใจเข้าไปใน Scrapbook ได้ง่ายขึ้น การทำงานก็แค่เลือก Smart Select จาก Air Command และลากกรอบสี่เหลี่ยมครอบตัวข้อมูลหรือภาพที่เราต้องการ จากนั้นตัวแอปก็จะตรวจว่าในภาพนั้นๆมีข้อมูลอะไรบ้าง
และฟีเจอร์อื่นๆที่เคยมีอยู่แล้วอย่าง Action Memo ช็อตโน้ตสั้นๆบนหน้าจอคล้าย Post it , Image Clip การครอปภาพเฉพาะจุด (บนรุ่นก่อนสามารถใช้งานด้วยการกดปุ่มบนปากกาค้างไว้) , Screen Write แคปหน้าจอพร้อมให้เราขีดๆเขียนๆได้ 
อีกฟีเจอร์เด่นหนึ่งของ S-Pen ก็คือสามารถทำงานเหมือน Mouse บนคอมพิวเตอร์ได้ด้วยนะ อย่างเช่นเราจะคลุมตัวหนังสือบนหน้าเว็บไซต์ หรือ เลือกคลุมรูปภาพใน Gallery ทีละเยอะๆ ก็เพียงกดปุ่มบน S-Pen ค้างไว้พร้อมลากคลุมได้เลย สะดวกดีนะ ^^
S-Note บน Galaxy Note 4 ก็แน่นอนว่านอกจากฟีเจอร์อย่าง Air Command แล้วยังมีแอป S-Pen แอปจดโน้ตอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น โดยบน Galaxy Note 4 นั้นดูภายนอกก็จะไม่ค่อยต่างจากบน Note 3 มากนัก โดยสิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือ ปากกาแบบหัตัด 2 ด้าน ที่ให้สามารถเลือกใช้ได้ ซึ่งเวลาเขียนนี่สวยเนียนเลยล่ะ :D
ฟีเจอร์ Photo Note บน S-Note อันนี้ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่หลายๆคนว้าวกันมากเลยในงานเปิดตัว ฟีเจอร์นี้จะให้เราถ่ายภาพตัวหนังสือหรือภาพถ่ายมาแล้วตัวแอปจะทำการประมวลผลแปลงภาพถ่ายเหล่านั้นให้มาเป็นไฟล์ที่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งมันมีประโยชน์มากๆเลยนะฟีเจอร์นี้ ยกตัวอย่าง เวลาเราประชุมงานกันและมีข้อมูลบนกระดานเยอะๆ เราก็สามารถถ่ายภาพบนกระดานผ่าน Photo Note จากนั้นก็สามารถแก้ไขข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติมหรือเก็บไว้ใช้ในการประชุมครั้งต่อไปได้เลย โดยไม่ต้องไปพิมข้อมูลกันใหม่ ><
มาต่อที่อีกฟีเจอร์เด่นบน Galaxy Note นั่นก็คือการทำงานแบบ Multitasking แน่นอนว่าเพื่อนๆที่ใช้สมาร์ทโฟนจาก Samsung คงจะรู้จักและคุ้นเคยกับฟีเจอร์ Multi Windows (แบ่ง 2 หน้าต่างใช้งานพร้อมกัน) กันอยู่แล้ว แต่บน Galaxy Note 4 นั้นความสามารถของ Multi Windows ได้ถูกอัพเกรดให้สามารถใช้งานได้มากขึ้นกว่าเดิม โดยเราสามารถกดเข้าได้จากหน้า Recent Apps ได้โดยแอปที่รองรับจะมีสัญลักษณ์รูป "หน้าต่าง" อยู่ตรงมุมขวา 
หรือจะใช้วิธีเดิมอย่างการกดปุ่ม Back ค้างไว้สักครู่ก็ได้ ซึ่งพอกดค้างไว้แล้วจะมีแถบออกมาทางด้านขวาให้เรา ซึ่งสามารถจิ้มค้างที่ไอคอนแอปแล้วลากมาไว้ตรงหน้าจอเพื่อเปิดเป็นแบบ 2 หน้าจอได้ (อันนี้เหมือนกับรุ่นก่อนๆ) หรือจะกดที่ไอคอนแอปทีเดียวเพื่อเปิดเป็นหน้าต่างแบบ Pop Up ก็ได้
ซึ่งนอกจากวิธีด้านบนแล้วเรายังสามารถทำ Pop Up Windows ได้โดยขณะที่เรากำลังเปิดแอปอยู่ได้ด้วย โดยวิธีการปาดนิ้วจากมุมซ้ายหรือขวาบนของหน้าจอลงมา ตัวแอปก็จะย่อหน้าลงมาให้แล้ว (ขึ้นอยู่กับตัวแอปที่รองรับด้วยถึงจะสามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้) 
ซึ่งพอเป็นหน้าตาแบบนี้แล้วเราก็สามารถลากตัวแอปไปไหนมาไหนได้ในหน้าจอ หรือจะย่อหน้าลงมาเป็นไอคอนเล็กๆ , ขยายใหญ่ หรือจะกดปิดจากตรงนี้เลยก็ได้
สิทธิพิเศษสำหรับ Galaxy Note 4
ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของสมาร์ทโฟนจาก Samsung เพราะว่ามีบริการเสริมหรือแอปดีๆมาแจกฟรีกันเพียบ บนแอป Galaxy Apps (Samsung Apps เดิม) ที่จะมีแอปที่ Exclusive เฉพาะสมาร์ทโฟน  Samsung Galaxy ให้เลือกดาวน์โหลดกัน อย่างบน Galaxy Note 4 นั้นก็มีแจกแอป SketchBook for Galaxy หรือ Handcom Office และอีกมากมายให้ไปใช้กันฟรีๆเลย
ความบันเทิงบน Galaxy Note 4
มาต่อกันที่เรื่องความบันเทิง Galaxy Note 4 มาพร้อมหน้าจอที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามและคมชัดเป็นอันดับต้นๆของวงการสมาร์ทโฟนเลยก็ว่าได้ แถมบน Note 4 ยังมาพร้อมกับความละเอียดที่มากถึงระดับ Quad-HD หรือ 2K กันเลยทีเดียว ยิ่งทำให้แสดงความคมชัดได้ระดับที่ว่าพอได้เห็นแล้วจะต้องร้อง "ว้าว" เลยล่ะ (มันชัดมาก *0*) และจอสวยๆแบบนี้ถ้าเอามาดูไฟล์วีดีโอที่มีความละเอียดเยอะๆ คุณภาพสูงๆนี่ก็เริ่มได้ว่าเต็มตาเต็มอารมณ์สุดๆ
แต่แอบติดนิดหน่อยตรงที่ลำโพงหลักของตัวเครื่องนั้นถูกย้ายมาอยู่ด้านหลังของตัวเครื่อง (บน Note 3 อยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง) ทำให้เสียงที่ออกมาค่อนข้างเบาหากวางเครื่องหงายบนที่ราบ - -"
ประสิทธิภาพของ Galaxy Note 4
มาวัดประสิทธิภาพกันบ้าง อย่างที่บอกไปว่าสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note นั้นมักจะมาพร้อมกับสเปคที่อยู่ในระดับต้นๆของตลาดมาตลอด ซึ่ง Galaxy Note 4 ก็เช่นกัน แต่จะให้เห็นภาพหน่อยก็คงต้องวัดจากแอปBenchmark ชื่อดังกันหน่อย ซึ่งผลคะแนนที่ได้ทดสอบผ่านแอป AnTuTu Benchmark คะแนนก็ออกมาที่49,744 คะแนน
และคะแนนทดสอบจากแอป GeekBench 3 ในส่วนของ Single-core อยู่ที่ 1190 คะแนน และ Multi-core อยู่ที่ 3960 คะแนนครับ
การเล่นเกมบน Galaxy Note 4
หลังจากวัดประสิทธิภาพผ่านแอป Benchmark กันไปแล้วก็ถึงคราวที่ต้องมาทดสอบประสิทธิภาพจริงๆผ่านการเล่นเกมกันบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าสเปคที่ให้มาบน Galaxy Note 4 นั้นก็คงไม่น่าจะมีปัญหากับเกมใหญ่ๆภาพกราฟิกสวยๆใน Play Store อยู่แล้ว ทางทีมงานเลยลองทดสอบกับเกมใหญ่ๆอย่าง Asphalt 8 , Modern Combat 5 , Ultimate Robot Fighting , Angry Birds Transformers , Spider-man Unlimited 
ผลที่ออกมาก็ถือว่าเล่นได้ลื่นไหลตามที่คาดจริงๆ เรื่องเกมนี่เรียกได้ว่าหายห่วงครับ ลื่นจนหัวแทบแตกแหนะ :P
การถ่ายภาพบน Galaxy Note 4
มาดูกันที่เรื่องของการถ่ายภาพกันบ้าง Galaxy Note 4 นั้นจะมาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซลและเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกด้วยที่มาพร้อมกับระบบกันสั่น OIS (ถ้าไม่นับ Galaxy K Zoom น่ะนะ) ซึ่งเรื่องคุณภาพนั้นก็ถือว่ายอดเยี่ยมสุดๆเลย ไม่ว่าจะเป็นการโฟกัสที่รวดเร็ว ถ่ายง่าย กดปุ๊บ ถ่ายปั๊บ และอาการสั่นง่ายๆแบบเดิมๆของสมาร์ทโฟน Samsung ก็หมดไปเรียบร้อยด้วย OIS ที่ติดมา >< ส่วนเรื่องของต่างๆก็คล้ายกับบน Galaxy S5 คือ มี Real-Time HDR , Selective Focus , Panorama , Virtua Tour ทั่วๆไปครับ
ส่วนเรื่องการบันทึกวีดีโอก็สามารถบันทึกได้สูงสุดที่ระดับ UHD หรือ 4K (3840x2160 พิกเซล) ตามสมัยนิยมเลยล่ะ
เอาเป็นว่าลองไปชมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Galaxy Note 4 กันเลยครับผม
ตัวกล้องนั้นมีค่าเริ่มต้นมาที่อัตราส่วนแบบ 16:9 อยู่แล้วในความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (สูงสุด) ซึ่งทำให้ตัวกล้องมีมุมมองที่กว้างขึ้นหากเทียบกับรุ่นก่อนๆที่จะต้องถูกครอบจากอัตราส่วน 4:3 ลงไปอีกหน่อยครับ ^^"
ส่วนกล้องหน้าของ Galaxy Note 4 นั้นก็มีพร้อมความละเอียด 3.7 ล้านพิกเซล ซึ่งจะเท่ากับความละเอียดของหน้าจอ (Quad-HD) พอดีเป๊ะ ส่วนเลนส์ก็มีมุมมองที่กว้างขนาด 90 องศา จะ Selfie จะ Wefie ก็เก็บได้หมด กว้างจริงๆ และคุณภาพของกล้องหน้าก็ความสวยเนียนเช่นเคย ><
หรือถ้ายังเก็บได้ไม่พอจริงๆก็ยังมีโหมด Wide Selfie ให้สามารถเก็บภาพได้กว้างสูงสุดถึง 120 องศาเลยทีเดียว อ๊ะ !ลืมบอกไปตัว Heart Rate Monitor ของ Galaxy Note 4 นั้นสามารถใช้งานเป็นปุ่มชัตเตอร์ในการถ่ายเซลฟี่ได้ด้วยน้าา ><
การใช้งานแบตเตอรี่บน Galaxy Note 4
มาปิดท้ายในเรื่องของการใช้งานแบตเตอรี่ของ Galaxy Note 4 ความจุของแบตเตอรี่รุ่นนี้ให้มาที่ 3220 mAh ซึ่งถ้าเทียบกับบนรุ่นก่อนอย่าง Galaxy Note 3 ก็อาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเยอะมากนัก (เพิ่มมา 20 mAh) แต่จากที่ได้ทดสอบเปิดแสงหน้าจอ 40% , เปิด Wi-Fi สลับกับ 4G , เล่นอินเทอร์เน็ต , วาดภาพ , ถ่ายรูป , เล่นเกมหนักๆบ้าง ก็ถือว่าแบตเตอรี่นั้นสามารถใช้งานได้ราบลื่นทั้งวันนะครับ ส่วนเรื่่องความร้อนนั้นหากเล่นหนักๆก็มีพบบ้างตามบริเวณขอบเครื่อง โดยรวมเรื่องการจัดการแบตเตอรี่และเรื่องความร้อนนั้นก็ถือว่าทำได้ดีมากเลยทีเดียว แถมยังมี Ultra Power Saving Mode หากฉุกเฉินจริงๆก็ยังพอใช้งานต่อไปได้ และที่พิเศษคือบน Galaxy Note 4 นั้นก็ยังมีโหมด Fast Charge ที่ทาง Samsung เคลมว่าสามารถชาร์จจาก 0-50% ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้นด้วยนะ :D
สรุปผลการทดสอบ Galaxy Note 4Galaxy Note 4 นั้นถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงปลายปีจาก Samsung ที่น่าจับตามองมากๆในเวลานี้ ด้วยสเปคที่จัดมาให้แบบเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ Super-Amoled ความละเอียด Quad-HD ขนาด 5.7 นิ้วที่แสดงผลได้ยอดเยี่ยมสุดๆ หน่วยประมวลผล Exynos 7 Octa เร็วแรงอันดับต้นๆของตลาด หรือแม้กระทั่งกล้องที่สามารถถ่ายภาพได้ดีทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยความละเอียด 16 ล้านพิกเซล กล้องหน้ามุมกว้าง 90 องศาความละเอียด 3.7 ล้านพิกเซล และที่สำคัญ S-Pen ที่เป็นจุดเด่นจริงๆของสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note ก็ไม่ทำให้ผิดหวังใช้งานจริงได้ยอดเยี่ยม และสำหรับผู้ที่รอคอยสมาร์ทโฟนวัสดุเนี้ยบๆจาก Samsung ก็ถือว่า Galaxy Note 4 นั้นตอบโจทย์ตรงนั้นได้อย่างดีเลย สรุปแล้ว Galaxy Note 4 นั้นถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนจอใหญ่ที่ให้ฟีเจอร์ ความสามารถและสเปคมาอย่างครบครัน ทั้งหมดนี้สนนราคาอยู่ที่ 25,900 ครับโผมมมม !!
ทิ้งท้ายGalaxy Note 4 นั้นหากเทียบกับรุ่นก่อนๆถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีการอัพเกรดขึ้นมาอยู่หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่มีการอัพเกรดให้คมชัดมากขึ้น , หน่วยประมวลผลระดับท็อปในตลาด , กล้องที่มีการอัพเกรดทั้งหน้าและหลังอย่างเห็นได้ชัด , ปากกาที่เป็นจุดเด่นของซีรี่ส์ Galaxy Note ก็มีการเพิ่มความสามารถใหม่เข้าไป หรือแม้กระทั่งวัสดุที่ใช้ก็ถือว่าเปลี่ยนแปลงไปแบบที่เราไม่เคยเห็นจากสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy ตัวไหนๆมาก่อน โดยรวมแล้วถือว่าเป็นการอัพเกรดที่ยอดเยี่ยมมากๆเลย สำหรับผู้ที่ต้องการในส่วนของที่มีการอัพเกรดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด อาทิ กล้องที่มีระบบกันสั่น OIS , กล้องหน้ามุมกว้าง , รองรับ 4G LTE วัสดุเครื่องที่ดูดีขึ้น หรือหน่วยประมวลผลที่แรงขึ้นรองรับการใช้งานที่มากขึ้นในอนาคต ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการอัพเกรดขึ้นมาเป็น Galaxy Note 4 เพราะว่ารอบนี้ทาง Samsung จัดเต็มมาจริงๆ แต่หากคิดว่าความสามารถที่เพิ่มมานั้นไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น รุ่นก่อนอย่าง Galaxy Note 3 ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยกับราคาส่วนต่างที่ห่างกันอยู่ประมาณ 4-5,000 บาทน่ะครับ ^^"
จุดเด่น
  • หน้าจอ Super-Amoled ความละเอียด Quad-HD ให้สีสันและความสวยงามสุดๆ
  • สเปคระดับต้นๆของตลาด หน่วยประมวลผล Exynos 7 Octa-core 1.9 GHz ทำงานลื่นไหล เร็วแรงได้ใจ
  • วัสดุและงานประกอบยอดเยี่ยมขึ้นกว่าเดิมเยอะ
  • กล้องหน้าและหลังมีการอัพเกรดขึ้นมาแบบเห็นได้ชัดด้วย OIS
  • S-Pen ใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม
  • รองรับ 4G LTE
  • ระบบจัการแบตเตอรี่ทีดี แถมยังมี Fast Charging ด้วย
จุดสังเกต
  • ลำโพงหลักของตัวเครื่องที่อยู่อยู่ด้านหลังอาจจะให้เสียงไม่ดังเท่าที่ควร (เมื่อวางเครื่องในแนวราบ)
 สามารถเช็คสเปคมือถือและราคามือถือ >> Catalog
บทความโดย : เฮียแม๊พ TechXcite

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น